ย้อนตั้งแต่คนที่เกิดในยุค 90 กลับไป เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกันดีกับคำพังเพย สุภาษิตไทย ที่เป็นคำเปรียบเปรยการกระทำ หรือลักษณะของคน หรือสถานการณ์ ได้อย่างจำกัดความ โดยไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดเยื้อ เพียงแค่พูดคำพังเพยนี้ออกไป คนฟังก็สามารถเข้าใจได้ทันที วันนี้เรามี 5 คำเปรียบเทียบสมัยเก่า ที่ยังใหม่และใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัยมาลองใช้กับชีวิตจริงของคนในยุคปัจจุบัน คำไหนตรงกับใครในตอนนี้บ้าง ไปทบทวนกันหน่อยดีกว่าค่ะ
สวมหน้ากากเข้าหากัน
แม้ว่าการดำเนินกิจวัตรในแต่ละวันท่ามกลางโลกปัจจุบันนี้ ต้องใส่หน้ากากเมื่อออกจากบ้านเพื่อเข้าสู่สังคม เพราะผลจากการระบาดของโรคติดต่อทางเดินหายใจ โควิด-19 , ไข้หวัดใหญ่ , ไวรัส RSV หรือแม้กระทั่งโรคมือเท้าปาก ทำให้การสวมหน้ากากอนามัยกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนยุคนี้ ทำให้คำเปรียบเปรยที่ว่า สวมหน้ากากเข้าหากัน เป็นรูปธรรมที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น
เมื่อคุณโดนหมาจิ้งจอกหลอกใช้ประโยชน์และใส่หน้ากากเข้าหา คุณจะใส่หน้ากากและแสร้งทำเป็นไม่รู้ คิดเสียว่า ปล่อยหมาสร้างกุศล หรือจะกระชากหน้ากากหมาออกมา แล้วปล่อยหมัดรัว ๆ โทษฐานลอบกัด!!
แทงข้างหลัง
การแทงข้างหลัง ที่ไม่จำเป็นต้องมีมีดหรือของมีคมใด ๆ มาทิ่มแทงหรือปักลงหลัง แต่สร้างความเจ็บปวดได้อย่างแสนสาหัส จนเกือบตายทั้งเป็นสำหรับบางคน โดยเฉพาะจากการกระทำของคนใกล้ชิด ที่นับวันเราสามารถพบเห็น หรือได้ยินกันบ่อยขึ้นในสังคมไทย และบางครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องของคนอื่นไกล แต่เป็นเรื่องของเราเอง ที่มักจะโดนกันบ่อย ๆ ในการอยู่ร่วมกันในสังคม ตั้งแต่ในกลุ่มเพื่อน สังคมการทำงาน ไปจนถึงระดับประเทศ ที่ต่อให้เราทำดีด้วยใจเพียงใด แต่สุดท้ายก็โดนทำร้ายลับหลัง ซึ่งส่วนใหญ่คนที่แทงข้างหลัง คือ คนสนิท หรือคนใกล้ตัวมาก ๆ คนที่เราให้ความไว้ใจและเชื่อใจที่สุด
ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยนไป คนส่วนใหญ่ต่างมีมีดอยู่ในมือที่ซ่อนไว้ด้านหลังไม่ให้เราเห็น โดยเฉพาะคนใกล้ตัว เพราะความเชื่อใจมันทำให้ตาพร่า ตาบอด มิน่าเล่า ธุรกิจร้านขายยา และโรงพยาบาล จึงรุ่งเรือง
หน้าเนื้อใจเสือ
มีมาทุกยุคทุกสมัย กับคนประเภท หน้าเนื้อใจเสือ และถึงแม้ว่าสังคมปัจจุบันเปิดกว้างและยอมรับความตรงไปตรงมากันมากขึ้น แสดงออกตามความรู้สึกที่แท้จริงกันมากขึ้น แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนมาก ที่แสร้งทำดีต่อหน้า สร้างภาพลักษณ์ต่อคนหมู่มาก เพื่อนิยามของคำว่า “เป็นคนดี” ให้การช่วยเหลือเรา แต่ตัวจริงกลับร้ายสารพัด ต่อหน้าเหมือนจะให้ความช่วยเหลือเรา แต่แอบเหยียบย่ำ ทับถม และคอยทำร้ายเราลับหลัง อาจคอยชักใยหรือบงการคนอื่นให้ทำร้ายเราอีกที
ถ้ามีใครก่นด่าคุณว่า “หน้าเนื้อใจหมา” อย่าโกรธ แต่ให้ยิ้มและจงภูมิใจ เพราะคุณดีทั้งภายนอกและภายใน เพราะ วัว ไม่ทำร้ายใคร และ หมา ซื่อสัตย์!
หน้าไหว้หลังหลอก
หน้าไหว้หลังหลอก คือ ความไม่จริงใจ การหลอกให้ตายใจ หรือเข้าข่ายหลอกลวง ซึ่งจะมีความเบากว่าหน้าเนื้อใจเสือ เพราะเป็นเพียงแค่ความเสแสร้งทำดีต่อเรา ที่ไม่ได้มาจากความรู้สึกที่แท้จริงจากใจ แต่ไม่ได้ถึงขั้นลอบทำร้ายเราลับหลัง ซึ่งคนแบบนี้พบเจอได้ทั่วไปในทุกสังคม เพราะมีคนประเภทนี้มากเกินครึ่งของโลกใบนี้เลยทีเดียว
หลายคนที่กลัว ผีหลอก ทั้งที่ก็แค่เห็นผี แต่ไม่มีใครตายเพราะผี แต่กี่ล้านคนที่เสียใจ เสียทรัพย์ เสียโอกาส และ เสียชีวิต จากการโดน “คนหลอก”
ทำนาบนหลังคน
คนที่ชอบเอาเปรียบน้ำพักน้ำแรงคนอื่น เพื่อให้ตนได้ผลประโยชน์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นต่อหน้าหรือลับหลังก็ตาม โดยไม่คำนึงว่าเขาจะเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่มักจะเป็นการกระทำของคนที่เห็นแก่ตัว และมีโอกาสมากกว่าอีกฝ่าย ในการใช้ช่องทางเอารัดเอาเปรียบ และหาทางกำจัดหรือเขี่ยทิ้งเมื่อหมดผลประโยชน์ แล้วกระโจนไปหาหลังคนทำนาผืนใหม่ ซึ่งคนเหล่านี้มักจะเป็นคนที่ได้เปรียบจาก โอกาส ตำแหน่ง ยศ หรือ ฐานะ เช่น พ่อค้าคนกลาง หัวหน้างาน ผู้บังคับบัญชา เป็นต้น
เพราะความเหลื่อมล้ำในสังคม ทำให้หลายล้านคนต้องจำยอมก้มหลังแทบหัก เพื่อให้ปีศาจในร่างคนไถนาบนหลังตน!
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ไม่สามารถอยู่ได้โดยลำพัง ไม่ว่าคุณจะเป็นคนประเภท Introvert หรือ Extrovrt สุดท้ายก็หนีจากสังคมไปตลอดไม่ได้อยู่ดี เพราะในที่สุดแล้วก็ต้องมีสิ่งเชื่อมโยงเราเข้ากับสังคม ไม่ว่าจะในรูปแบบการไปเรียน การทำงาน หรือการรักษาทางการแพทย์ เราอาจแก้ระบบสังคมไม่ได้ แต่เราอาจต้องแก้ระบบความคิดของเราเอง ว่าจะรับมือกับ “หน้ากาก” ของสังคมอย่างไร ให้ “กาย” เราอยู่ได้ โดย “ใจ” ไม่บอบช้ำจนเกินไป หรือกระอักเลือดตายใน เปลือก โลก ปลอม ๆ