คนส่วนใหญ่คิดว่ารู้จักตนเองดีพออยู่แล้ว เพราะใครจะมารู้จักตนเองได้ดีไปกว่าตัวเองล่ะ แต่ที่จริงแล้ว ไม่เลย! ยังมีผู้คนอีกไม่น้อยที่มักจะไม่ค่อยรู้เท่าทันถึงอารมณ์ ความคิด และจิดใจของตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากคุณจะยอมรับมัน ว่าคุณเองอาจรู้จักตัวเองดีไม่พอ เพราะความนึกคิด อารมณ์ ของคนเรานั้น เป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ และในแต่ละวันเราก็เจอสารพัดสิ่ง ที่ถาโถมเข้ามาไม่ซ้ำเรื่อง ให้เราได้คิด ให้แก้ไข ไม่ได้หยุดพัก สมองจึงสับสน และจิตใจที่ไม่เคยมีการฝึกจึงวุ่นวาย เพราะไหลไปตามสารพันปัญหาที่ได้เจอ
แน่นอนเราทุกคนล้วนแต่ต้องการมีความสุข แต่ก็อีกนั่นล่ะ ที่คนส่วนใหญ่กลับไม่รู้ว่า อะไรคือความสุขที่แท้จริงของตนกันแน่ การรู้จักตนเอง รู้เท่าทันจิตใจ และความคิดของตน จะช่วยให้เราสามารถมีความสุขได้ง่ายขึ้น ความยุ่งเหยิงก็ลดลง เราจึงควรมีการบริหารกระบวรการความคิด ฝึกที่จะทำความเข้าใจตนเอง เพื่อจะได้รู้ความเป็นตัวตนทั้งหมด ทั้งในข้อดี ข้อเสีย เพื่อที่จะได้รู้จักคุณค่าถึงจุดเด่นและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และรู้ถึงจุดด้อย เพื่อปรับปรุงและปรับเปลี่ยนเพื่อให้ดีขึ้น
Self -Awareness คือทักษะที่สำคัญ ที่จะช่วยให้คุณได้มีการพัฒนาตนเอง และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยให้คุณได้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ หรือ ความฉลาดทางอารมณ์นั่นเอง
Self -Awareness หรือการตระหนักรู้ตัวเอง ซึ่งเป็นการรู้จักและเข้าใจตนเองอย่างถ่องแท้ (Self – understanding) ด้วยการผ่านกระบวนการไตร่ตรองอย่างซื่อตรง โดยไม่หาข้ออ้างต่าง ๆ นานา เพื่อเข้าข้างตนเอง
Self – Awareness เป็นรากฐานที่สำคัญของผู้ที่มีภาวะผู้นำ (Leadership) เพราะเมื่อมีความเข้าใจในตนเอง ก็จะเกิดการยอมรับตนเอง (Self – Acceptance) ทำให้รู้สึกถึงคุณค่าของตัวเอง (Self – Esteem) และสามารถที่จะควบคุมพฤติกรรมตนเอง (Self – Control) จากความเข้าใจและรู้เท่าทันในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เลิกมีพฤติกรรมด้านลบ และประสบความสำเร็จในเป้าหมายได้ง่ายขึ้น (Productive) เนื่องมาจากมีการรับมือและแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองได้อย่างดี
จริงอยู่ว่าแนวคิดนั้นมันไม่ยาก แต่ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่าย ๆ ในเชิงปฏิบัติจริง แต่ไม่ว่าคุณจะต้องการเป็นผู้นำ หรือต้องการพัฒนาตนเอง เพื่อให้เป็นผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์ ก็จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ควรจะฝึกเพื่อเพิ่มทักษะ Self – Awareness โดยเรามีวิธีการฝึกให้มีทักษะการตระหนักรู้ และการรู้จักตนเอง ที่สามารถนำไปฝึกได้ด้วยตนเอง โดยทำตามดังนี้
1.พิจารณาการรับรู้ผ่านทางร่างกาย
สิ่งที่จะสัมผัสได้ง่ายที่สุด คือ ร่างกายของเรา หยุดคิดทุกเรื่อง ปล่อยวางเรื่องอื่นๆให้หมด แต่มาโฟกัสร่างกายของคุณ อาจเป็นอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น พิจารณาขาของคุณ ว่าตอนนี้ที่นั่งอยู่นั้น รู้สึกอย่างไร เมื่อยไหม ขาเป็นเหน็บหรือยัง หรืออาจโฟกัสที่ลมหายใจก็ได้
2. พิจารณาความรู้สึกอารมณ์ของคุณ
นั่งนิ่ง ๆ แล้วหลับตา ตรวจสอบความรู้สึกตนเองว่า ขณะนี้รู้สึกอย่างไร กำลังสุข กำลังสบายใจ กำลังกังวล กำลังไม่พอใจ กำลังโกรธ เป็นต้น
3.ยอมรับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเข้าใจ
ไม่ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นจะเป็นในรูปแบบไหน ก็ยอมรับ และทำความเข้าใจ ถึงสาเหตุ ความเป็นไป ที่มาที่ไป ยอมรับว่าทั้งหมดนั้นคือส่วนหนึ่งความเป็นตัวเรา
4.อยู่กับปัจจุบัน
โดยการกำหนดหรือโฟกัสอยู่กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนี้ ซึ่งอาจจะเพ่งเล็งที่ลมหายใจ การเคลื่อนไหวของลมหายใจที่เข้า-ออก โดยไม่สนใจถึงเรื่องอื่นๆที่เคยเกิดขึ้น หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่มุ่งอยู่ที่ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่เท่านั้น
5.เพ่งเล็งกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นภายใน
รับรู้ทุกสิ่ง อารมณ์ ความคิด และสภาพจิตใจ ว่ารู้สึกอย่างไร คิดอะไรอยู่ แต่เพียงแค่รับรู้เท่านั้น โดยไม่ต้องไปตัดสินอะไร ไม่ต้องคิดว่ากำลังคิดผิด ไม่ต้องกังวลว่ากำลังทำไม่ถูก รับรู้และทำความเข้าใจเท่านั้น เมื่อฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถมีจิตใจที่นิ่งมากพอจะอยู่กับปัจจุบันได้นานขึ้น
การฝึกแบบนี้จะช่วยให้เรามีเกิดสมาธิ และมีสติ จนเกิดปัญญา รู้เท่าทันในอารมณ์ ความคิด ของตนเอง มีปัญญาในการทำความเข้า และสามารถรับมือกันได้ เพื่อเป็นหนทางไปสู่การปรับปรุง และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นในที่สุด