เตือนไว้ก่อนอย่าท้าทายแดดเมืองไทย ยิ่งช่วงนี้แดดแรงจนนึกว่าอยู่ในนรก ขนาดออกกลางแจ้งเจอแดดเลียผิวเดี๋ยวเดียว ผิวคล้ำเป็นรอยจนนึกว่าเป็นทางม้าลายกันเลยทีเดียว แล้ววันหยุดยาวหน้าร้อนทั้งที ทะเลเอย น้ำตกเอย กิจกรรมซัมเมอร์รออยู่ต้องไปจัด แต่ก็ต้องกลับมาพร้อมรอยช้ำชอก เพราะผิวโดดแดดทำร้ายยับเยิน ทั้งแสบ ทั้งลอก และคล้ำเสีย แถมยังคันยุบยิบ แต่เกาก็แสบ อาบน้ำก็เจ็บ ไม่อยากเจ็บช้ำกับผิวพังไปมากกว่านี้ ต้องรู้ไว้ค่ะว่ามีอะไรที่ไม่ควรทำเมื่อผิวไหม้แดดอีกบ้าง
1. แคะ แกะ เกา ลอกผิว
เขียนคำว่า “ห้ามแคะ ห้ามเกา” คำโต ๆ แปะไว้ให้ทั่วห้อง หรือแม้แต่ไปจิ้มไปกดก็ไม่ได้เลย เพราะเป็นกฏข้อแรกที่ไม่ควรทำเด็ดขาดถ้าไม่อยากผิวพังจนกู้ไม่กลับ เพราะการกระทำดังกล่าว ไม่ว่าจะลอกผิวที่ไหม้ หรือ แคะ แกะ เกา กด จิ้ม ตุ่มน้ำใสที่ขึ้นมาหลังจากโดดแดด จะยิ่งไปรบกวนผิว ก่อให้เกิดความระคายเคือง และทำให้ผิวอักเสบมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการลอกผิว ห้ามไปดึงไปลอกออกเองเด็ดขาด อาจยิ่งทำให้ผิวช้ำ เป็นแผลมากขึ้น พังและพังหนักกว่าเดิม ส่วนตุ่มน้ำก็ห้ามเอาเข็มไปเจาะไปจิ้ม หากรำคาญหรือทนไม่ไหว ไปหาคุณหมอให้ช่วยจัดการให้ดีกว่า เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังย่อมรับมือได้ดีกว่าแน่นอน
2. ใช้สกินแคร์ที่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์
แม้ว่าในยามปกติจะใช้สกินแคร์ที่มีน้ำหอมและไม่มีอาการแพ้ใด ๆ ก็ตาม แต่ในช่วงที่ผิวบอบบางจากการไหม้แดด ผิวลอก หรือมีตุ่มน้ำใส ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการก่อระคายเคืองให้กับผิว เนื่องจากเจ้าสองตัวนี้จะไปกระตุ้นให้ผิวที่บอบบางเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติ และเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว เมื่อผิวกลับมาแข็งแรงเป็นปกติ ผิวหายจากอาการไหม้แดดแล้วค่อยกลับไปใช้สกินแคร์ตัวโปรดได้เหมือนเดิม
3. ดื่มน้ำน้อยเกินไป
เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าควรดื่มน้ำ 8 แก้ว หรือ ประมาณ 3 ลิตร / วัน เพื่อให้เพียงพอต่อการนำไปใช้ในระบบของร่างกาย รวมไปถึงการรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง ยิ่งผิวเราโดดแดดเผาจนหมองคล้ำ บ่งบอกถึงการถูกดึงเอาน้ำในผิวออกไปจนทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น หากยิ่งดื่มน้ำน้อยเข้าไปอีก ผิวยิ่งแตกระแหง แห้งเหี่ยว และมีริ้วรอยได้ง่าย ดังนั้นควรดื่มน้ำให้ได้ตามมาตรฐานดังกล่าว เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำในผิว นอกจากน้ำจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นจนทำให้ผิวเต่งตึงแล้ว น้ำยังช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดหมุนเวียนดี เลือดสูบฉีดดี ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้สุขภาพกายและสุขภาพผิวดีตามไปด้วย แต่การดื่มน้ำ ไม่ควรดื่มน้ำอะไรก็ได้ ควรเน้นเป็นน้ำเปล่า และงดน้ำหวานที่มีปริมาณน้ำตาลสูง รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะส่งผลเสียต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นแอลกอฮอล์จะไปดึงน้ำในร่างกายออกไปเยอะมาก ๆ ทำให้ผิวยิ่งแห้งหนักกว่าเดิม เพราะฉะนั้นดื่มน้ำเปล่าสะอาดวันละ 8 แก้วต่อวันก็เพียงพอแล้ว
4. อาบน้ำร้อน แช่น้ำอุ่น
ผิวรอยโดนแดดเผาไหม้แห้งเสียและบอบบางกว่าปกติ ยิ่งไปอาบน้ำร้อน นอนแช่น้ำอุ่น ยิ่งเป็นการทำร้ายผิวให้เสียมากกว่าเดิม และยังทำให้ผิวไหม้ แสบ และอักเสบได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นควรงดการอาบน้ำอุ่นไปก่อนในช่วงที่ผิวไหม้แดด หรือแม้แต่ในช่วงที่มีอากาศร้อน ๆ ก็ไม่ควรอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเช่นกัน เพราะนอกจากจะทำร้ายผิวแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอันตรายต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ ได้เช่นกัน หากต้องการจะอาบน้ำอุ่นจริง ๆ ควรอดใจไว้ก่อน รอให้สภาพผิวกลับมาแข็งแรงเป็นปกติแล้วค่อยนอนแช่น้ำอุ่นดีกว่าน้าา
5. ไม่สวมหรือใช้อุปกรณ์ป้องกันแดด
ร้อนนนน ออกแดดทีผิวแทบไหม้ แต่ก็ยังฝืนสู้แดดโดยไร้อุปกรณ์ป้องกัน แบบนี้ทำร้ายผิวสุด ๆ รู้ค่ะรู้ว่าทนร้อนไหว แต่ผิวเราไม่ทนด้วยนะเออ เพราะแสงแดดแฝงไปด้วยรังสี UV ที่ตาเปล่าเรามองไม่เห็น ทำให้หลายคนชะล่าใจออกข้างนอกโดยคิดว่าแดดแค่นี้ ไหวนา แต่อย่าลืมนะว่ารังสียูวีมันมีผลต่อผิวของเรา ผิวแสบไหม้แดดที่เป็นอยู่นั่นไงหลักฐาน เพราะฉะนั้นหากจำเป็นต้องออกข้างนอก ควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันแดดไว้ดีกว่า เช่น หมวก แว่นกันแดด เสื้อแขนยาว ปลอกแขนกันยูวี กางเกงขายาว พกร่มเสียหน่อย จะได้กางป้องกันแดด ยิ่งเป็นร่มกันยูวียิ่งดี จะได้ช่วยเสริมเป็นเกราะป้องกันผิวคล้ำเสียและลอกไหม้จากแสงแดดได้มากขึ้น หากไม่อยากให้ผิวพังไปมากกว่าเดิมต้องพยายามอย่าให้ผิวโดนแดดซ้ำเติม หรือผิวเราต้องโดนแดดน้อยที่สุด
6. ไม่ทาครีมกันแดด
ขนาดทากันแดดก่อนออกแดด ยังโดนพิษสงจากแสงแดดทำร้ายจนผิวแสบไหม้และแห้งเสีย ยิ่งไม่ทากันแดดเลยผิวจะเป็นเช่นไร โดยเฉพาะผิวที่พังจากแสงแดดแผดเผาอยู่แล้ว ยิ่งแย่หนักกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นใครที่มีผิวลอกหรือแห้งแตกจากรอยไหม้แดดต้องทากันแดดก่อนออกจากบ้านอย่างถูกวิธีเสมอ ท่องไว้ค่ะ ไม่อยากผิวพังจนเกินเยียวยา ห้ามอิดออด ห้ามขี้เกียจ ห้ามมีข้อแม้ เพราะถ้าสภาพผิวแย่ไปกว่านี้ จะแก้ยากหรือกู้ผิวสวยกลับคืนมาไม่ได้อีกเลยน้าา
7. สครับผิว
หยุ๊ดดดดดด หยุดรบกวนผิวไปมากกว่านี้ เพราะการสครับผิวนั้นนับว่าเป็นการทำสวยที่รบกวนผิวในระดับหนึ่ง ยิ่งสครับในช่วงผิวไม่แข็งแรง ผิวอ่อนแอจากการถูกแดดเผาไหม้ ยิ่งรบกวนชั้นผิวหนังมากขึ้นกว่าเดิม และยิ่งทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ระคายเคือง หรือเกิดบาดแผลรุนแรงกว่าเดิม ซึ่งความรุนแรงนี้จะขึ้นอยู่กับความหยาบของสิ่งที่นำมาสครับ เช่น น้ำตาล เกลือเม็ด กากกาแฟ ยิ่งมีความหยาบมากเท่าไรยิ่งทำให้ผิวระคายเคือง รูสึกคัน จากนั้น เกา แกะ แคะ และทำให้ผิวอักเสบและลอกมากขึ้น