สำหรับคนที่รักในการวิ่งเป็นชีวิตจิตใจ มีนักวิ่งไม่น้อยที่ชื่นชอบจะฟังเพลงขณะวิ่งไปด้วย เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความเพลิดเพลินในขณะที่วิ่งแล้ว เสียงเพลงยังช่วยกระตุ้นสมองให้มีความตื่นตัว และช่วยลดคววามเหนื่อยล้าขณะวิ่ง ทำให้สามารถเพิ่มระยะเวลาการออกกำลังกาย หรือระยะทางในการวิ่งได้โดยที่ไม่รู้ตัว จึงมักจะมีนักวิ่งฟังเพลงขณะวิ่ง หรือแม้แต่นักกีฬาเลือกที่จะฟังเพลงขณะฝึกซ้อม หรือออกกำลังกายในฟิตเนส
โดยในแต่ละเพลงจะมีจังหวะที่แตกต่างกันไป และจังหวะของเพลงนี้เอง ที่จะเชื่อมโยงกับอัตราการเต้นของหัวใจเรา โดยมีหน่วยเป็น BPM ซึ่งย่อมาจาก Beats Per Minute ที่ใน 1 นาที หัวใจจะเต้นเท่าไร โดยปกติแล้ว อัตราการเต้นของหัวใจคนเราจะอยู่ที่ 60-100 ครั้ง / นาที
การจะดูว่า BPM เท่าไร ถึงจะเหมาะกับการวิ่ง จะต้องขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความสามารถในการวิ่ง รวมไปถึงความฟิตของร่างกาย ว่าไหวในระดับและระยะทางเท่าไร หากต้องการวิ่งช้าๆ สบายๆ เป็นการออกกำลังเบาๆ เพื่อสุขภาพอย่างจ็อกกิ้ง อาจเลือกเพลงที่มีบีทช่วง 100 BPM – 120 BPM เช่น เพลง Attention ของ Charlie Puth (100 bpm) เพลง Now or never ของ Halsey (110 bpm) , Call Me Maybe ของ Carly Rae Jepsen เป็นต้น
ไต่ระดับขึ้นมาอีกหน่อย กับนักวิ่งมาราธอนมือใหม่ ที่ต้องการออกกำลังกาย และฝึกอัตราฝีเท้าให้มีความสม่ำเสมอ ด้วยระดับ 165 BPM อย่างเพลง Love the Way You Lie ของ Rihanna หรือ เพลง Girlfriend ของ Avril Lavigne แต่สำหรับนักวิ่งมืออาชีพ หรือผู้ที่มีเป้าหมายในการทำความเร็ว รวมไปถึงการวิ่งรอบขา อาจจะต้องเพิ่มระดับความเร็วช่วงบีทขึ้นมาอีก ตั้งแต่ช่วง 150 BPM – 180 BPM
การคำนวณ BPM ให้เหมาะสมกับตัวเองให้มากที่สุด มีเพียงไม่กี่ขั้นตอน สามารถทำได้ง่าย
อันดับแรกคือ ให้วิ่งในอัตราความเร็วที่วิ่งอยู่ประจำ แล้วนับจำนวนที่เท้าขวาเหยียบลงพื้นในช่วงเวลา 1 นาที นำจำนวนครั้งที่นับได้ไปคูณ 2 เช่น หากคุณนับจำนวนครั้งทั้งหมดที่เท้าขวาวิ่งเหยียบลงพื้นได้ 60 ครั้ง ให้คุณนำ 60 x 2 = 120 แสดงว่า บีทเพลงช่วง 120 BMP เหมาะสมกับคุณ
วิธีหาเพลงด้วยค่า BPM
ปัจจุบันมีแอปพลิเคชั่นที่มีฟังก์ชันในการหาค่า BPM ให้เลือกใช้มากมาย เช่น MusicID ที่หาเพลงด้วยการพิมพ์เนื้อเพลง เพื่อใช้ในการค้นหาเพลง หรือถ้าเคยฟังเพลงใดแล้วไม่รู้จักชื่อเพลง ก็อาจเลือกใช้แอพ Shazam ที่จะช่วยค้นหาเพลงให้อัตโนมัติ หรือถ้าต้องการหาเพลงด้วยค่า BPM ที่เป็นบีท / นาที กันไปเลย ตัวเลือกอย่างแอพ Spotify ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน
เพียงเท่านี้ก็จะได้ค่าบีทหรือ BPM ที่เหมาะกับลักษณะการวิ่ง หรือการออกกำลังกายของคุณแล้ว เพราะค่า BPM ที่เหมาะกับการออกกำลังมากที่สุด ก็คือค่า BPM ที่สอดคล้องกับตัวเองที่สุด
